คือว่าพ่อกับแม่ของดิฉันแต่งการกัน แล้วมีดิฉันกับน้องชาย(ซึ่งพิการทางสายตาตอนอายุุ6ปี)
ซึ่งพ่อมีที่ดินเป็นสวนยางพาราและไร่ติดกันซึ่งที่ดินนั้นในใบโฉนดเป็นชื่อของปู่ดิฉัน
จากนั้นพ่อดิฉันก็เสียชีวิตลง แม่ก็ได้แต่งงานใหม่ซึ่งแม่ก็มีที่ดินทำกินที่เป็นสวนยางพาราของตัวเองด้วยและก็ยังกรีดยางที่สวนของพ่อด้วยซึ่งทางญาติฝ่ายพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่ออยากที่จะมาทำมาหากินในที่ดินของพ่อโดยมาขอแม่ดิฉันโดยให้เหตุผลว่าจะนำเงินนี้มาส่งเสียดิฉันและน้องชายทุกเดือน แต่พอได้ที่ดินไปแล้วป้าคนนี้ก็ไม่ได้ทำตามที่เคยพูดว่าไว้แต่จะมีบางปีที่ดิฉันกับน้องชายไปเยี่ยมปู่และย่าก็จะเอาให้1000บาท จนเวลาผ่านมาน่าจะมากกว่า6ปีแล้วที่ป้าคนนั้นทำกินอยู่ในที่ดินของพ่อ ซึ่งในปีนี้ดิฉันที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยจึงต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งซึ่งด้วยความจำเป็นหลายอย่างประกอบกันเลยทั้งภาระที่แม่ต้องแบกรับภาระค่ารักษาน้องชายต้องทำให้ต้องไปถามป้าคนนั้นว่าจะขายที่ดินตรงนั้นเพื่อให้ดิฉันไปเรียนได้มั๊ย แต่ป้าคนนั้นก็ทำการบ่ายเบี่ยงโดยอ้างว่าจะส่งเสียดิฉันเรียนเองซึ่งเป็นคำพูดที่พูดครั้งแรก และครั้งต่อมาก็บอกว่าที่ตรงเป็นที่ของป้าอีกคน(เป็นพี่สาวอีกคนของพ่อ)ซึ่งตอนวัดที่พ่อของดิฉันได้ลุกล้ำเขตแดนมาส่วนหนึ่งด้วย ซึ่งก็เป็นคำพูดที่ไม่ตรงกับครั้งแรกและป้าคนนั้นก็มีบางครั้งที่ให้เดินดิฉันบ้างเพื่อใช้จ่ายในการสมัครสอบ ซึ่งหลังๆป้าคนนั้นก็พูดด้วยอารมณ์โมโหว่าที่ของพ่อนั้นจะไม่มีวันให้ดิฉันเพราะมันเป็นที่ของลูกชายของป้าบ้าง ของป้าบ้าง ขอปู่บ้าง ซึ่งมันไม่มีความน่าเชื่อถือจากปากของผู้หญิงคนนั้นเลยว่าดิฉันควรจะเชื่อเธอมั๊ยและครั้งล่าสุดที่คุยกันดิฉันต้องเดินทางไปสอบและอยากจะได้เงินสบทบกับเงินของแม่ที่ให้และป้าคนนั้นก็บอกไม่มีไปขอแม่เลยแล้วก็ตัดสายทิ้ง ซึ่งอยากจะถามว่าดิฉันควรจะจบปัญหาที่มีอยู่ยังไงดี เหมือนว่ามันจะไม่มีทางแก้ไขปัญหา เหมือนมันจะไม่มีทางออก
ที่ดินเป็นชื่อของปู่ แล้วโอนไปเป็นชื่อของป้า อย่างนั้นหรือครับ
ผู้เขียน