TRACHU.COM : ชุมชนออนไลน์นักกฎหมายไทย

สวัสดีครับ

อันนี้ผมไม่ได้ถามเพื่อไปทำข้อสอบกฎหมายอะไรนะครับ (ไม่ได้เรียนกฎหมายด้วยครับ) แต่จะขอยกเหตุการณ์สมมติ เพราะว่าอยากจะรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง

สมมติในสถานที่ทำงานแห่งหนึ่ง ซึ่ง ณ ตอนนั้นเป็นเวลาเย็นแล้ว พนักงงานกลับบ้านกันหมด ยกเว้น นาย ก กับ นาย ข ซึ่งอยู่ออฟฟิศทำงานของตนต่อ...
ปรากฎว่า นาย ก อยากได้ข้อมูลส่วนตัวบางอย่างจากนาย ข เลยไปขอให้นาย ข บอก...   นาย ข ไม่ยอมบอก เนื่องจากเป็นความลับ และต้องการจะเดินหนีออกจากที่ทำงานทันทีเพื่อกลับบ้าน  ปรากฎว่าด้วยความที่นาย ก ตัวใหญ่กว่า กำลังมากกว่า จึงยืนขวางประตูไว้ ซึ่งเป็นทางออกทางเดียวของห้องเพื่อไม่ให้นาย ข กลับ และ บอกว่าถ้าอยากจะออกจากที่นี่ ก็ให้บอกข้อมูลนั้นออกมาถึงจะออกจากห้องได้

นาย ข พยายามคุยหลายครั้งแล้ว ประนีประนอมแล้วว่า ไว้วันอื่นได้ไหม หรือ ขอคิดดูก่อน นาย ก ก็ยังไม่ยอม จึงเริ่มจากผลักนาย ก ให้พ้นจากประตูก่อน จนเกิดเป็นการต่อสู้กัน   ในที่สุดนาย ข เลยหยิบโต๊ะไม้ฟาด นาย ก แล้ววิ่งออกจากห้อง (นาย ก แค่ฟกช้ำและล้มลงไปเฉยๆ)

ผมขอถามหน่อยครับว่า
1.ที่ นาย ข ทำ ถือว่าเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ครับ?
2.ถ้าเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตัวแล้ว
 2.1 ถ้าไปคิดตามทฤษฎีสัดส่วน ถ้าเทียบระหว่างผลถ้านาย ข ไม่ทำ คือ ไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้น กับ ผลที่นาย ก ฟกช้ำ ศาลจะให้น้ำหนักอันไหนมากกว่ากันครับ
2.2 ถ้าคิดตามทฤษฎีวิถีทางน้อยที่สุด นี่ถือว่านาย ข ใช้วิถีทางที่เบาที่สุดแล้วหรือเปล่าครับ เพราะถ้าไม่งั้นก็ไม่มีทางรอดจากการกักขังในห้องนี้ได้เลย

ปล.ที่ผมถามลึกขนาดนี้เพราะตอนเอากฎหมายมาอ่านแล้ว ผมก็ยังไม่เข้าเท่าไหร่น่ะครับ และอยากรู้ไว้เพราะว่า เมื่อ2-3วันก่อน มีคนใกล้ตัวผม ตกในอยู่สถานการณ์คล้ายๆแบบนี้ จึงอยากรู้ไว้เพื่อเอาผิดกับผู้กระทำได้หากเกิดกับตัวผม

ขอบคุณมากครับ

1.ที่ นาย ข ทำ ถือว่าเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตัวหรือไม่ครับ?
2.ถ้าเป็นการกระทำไปเพื่อป้องกันตัวแล้ว

ตอบ...ถ้าเป็นไปตามข้อเท็จจริงที่เล่ามา   ก็อ้างการป้องกันได้   แต่...ในเมื่ออยู่กันเพียงสองคน ไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน ต่างฝ่ายก็คงหาข้ออ้างเพื่อไม่ได้ตนต้องรับผิด อาจกลายเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาทก็เป็นได้ ครับ

 2.1 ถ้าไปคิดตามทฤษฎีสัดส่วน ถ้าเทียบระหว่างผลถ้านาย ข ไม่ทำ คือ ไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้น กับ ผลที่นาย ก ฟกช้ำ ศาลจะให้น้ำหนักอันไหนมากกว่ากันครับ
 ตอบ..ทฤษฎีที่คุณอ้าง   ผมก็ไม่สัดทัดว่าเป็นอย่างไร  แต่ถ้าว่ากันไปตามหลักการ   เมื่อคุณถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว   คุณก็สามารถแจ้งความดำเนินคดีได้  ส่วนเขามีการฟกช้ำ  เขาก็แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายได้เช่นกัน  สุดท้ายก็ต้องวนกลับมาเรื่องพยานหลักฐาน จึงจะหาข้อยุติได้   คือการตัดสินในเรื่องนี้  ต้องประกอบไปด้วย  ข้อกฎหมาย  และข้อเท็จจริง  ถ้าข้อเท้จจริงยังไม่ชัดเจนเพียงพอ   ในทางอาญาก็ให้ยกประโยชน์แก่ผู้กระทำความผิด   ไม่น่าจะนำเรื่องสัดส่วนมาใช้ในที่นี้ได้  ครับ

2.2 ถ้าคิดตามทฤษฎีวิถีทางน้อยที่สุด นี่ถือว่านาย ข ใช้วิถีทางที่เบาที่สุดแล้วหรือเปล่าครับ เพราะถ้าไม่งั้นก็ไม่มีทางรอดจากการกักขังในห้องนี้ได้เลย


ตอบ...ประมาจารย์ทางกฎหมาย  ท่านอธิบายเรื่องการป้องกัน  ที่จะอ้างว่า สามารถทำได้โดยไม่มีความผิด  ท่านสรุปสั้นๆ คือ  หนี - น้อย  คือขั้นแรกต้องหาทางหลบหนีก่อนทุกวิถีทาง   ถ้าจำเป็นต้องป้องกัน  ก็ต้องทำไปเพียงเล็กน้อย เท่านั้น  ตามข้อเท็จจริง  ก็คงพออ้างการป้องกันได้ ครับ