worapong
รุ่นใหม่
ค่าพลัง: +0/-0
ออฟไลน์
กระทู้: 1
|
|
« เมื่อ: 27 ตุลาคม 2014, 12:59:44 pm » |
|
พฤติการณ์ ด้วยเมื่อประมาณ เดือนพฤศจิกายน 2555 น.ส.ก. (นามสมมุติ) ภรรยา ผม ได้ให้นาย ข. (นามสมมุติ) ทำการกู้ซื้อบ้านจากธนาคาร ค. เนื่องจากขณะนั้น เราไม่สามารถกู้ได้ เนื่องจากติดปัญหากู้บ้านหลังอื่นอยู่ และได้ทำสัญญาถือครองทรัพย์สินแทนไว้ เนื่องจากกลัวว่านาย ข. จะไม่ทำการโอนคืนให้ในภายหลัง ในการซื้อบ้าน น.ส.ก. เป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ตั้งแต่การจองบ้าน จนถึงการติดต่อธนาคาร ผู้ให้กู้ จนกระทั่งกู้ผ่าน โดยนาย ข. ไม่เคยมาเห็นบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยนัดให้มาเซนต์ชื่อที่สำนักงานที่ดิน เพียงวันจำนองเท่านั้น หลังจากกู้ผ่าน ผมและ น.ส. ก. ก็ได้ทำการตบแต่งต่อเติมและได้เข้ามาอยู่ประมาณเดือนมกราคม 2556 จนกระทั่งปัจจุบัน โดย น.ส. ก. มีชื่อเป็นเจ้าบ้าน ,มีชื่อผม และบุตรเป็นผู้อาศัย และได้ผ่อนชำระบ้านหลังดังกล่าวมาโดยตลอด ไม่เคยติดค้าง จนถึงปัจจุบันนี้ ( ซึ่งขนาดทราบว่าบ้านมีคำสั่งยึดแล้ว เรายังต้องผ่อนชำระกับธนาคารอยู่เลย ) โดย นาย ข. เป็นเพียงผู้ทำสัญญากับธนาคาร เท่านั้น ต่อมาวันที่ 13 ตุลาคม 2557 ได้มี พนักงานมาปิดหมายยึดทรัพย์บ้านหลังดังกล่าว ที่ผมและครอบครัวพักอาศัย เนื่องจาก นาย ข. ได้ถูก บริษัท ง. ฟ้องคดีเกี่ยวกับการไม่ชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถยนต์ มูลหนี้ประมาณ 1ล้านบาท และศาลได้พิพากษาโดย นาย ข. ไม่ได้ไปศาลเลย ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2557 ผมได้ไปร้องขัดทรัพย์บ้านหลังนี้ และมีค่าธรรมเนียม 8 หมื่นกว่า ซึ่งสูงมาก โดยเจ้าหน้าที่รับคำร้องเป็นคนบอกให้ชำระ ขณะนั้นยังไม่มีเงิน และศาลยังไม่ได้สั่่งให้ชำระ จึงได้เขียนคำร้องขอผัดจ่ายภายใน 15 วัน จะมีวิธีใดที่จะขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลได้บ้าง ส่วนค่านำหมายได้จ่ายไปแล้วประมาณ 1พันบาท และมีช่องทางใดที่จะต่อสู้คดีให้บ้านตกเป็นชื่อของเรา หมายเหตุ มีหลักฐานการส่งงวดกับธนาคารฯ ,หลักฐานอื่นประกอบ เช่น เอกสารการต่อเติมบ้าน ,เพื่อนบ้าน และไม่สามารถตามตัว นาย ข. ได้เนื่องจากมีหมายจับคดีเช็ค และในคำร้องขัดทรัพย์ต้องระบุข้อความใดบ้างคับเกี่ยวกับบ้านหลังดังกล่าว เพื่อจะได้เพิ่มเติมคำร้องต่อไป ขอบคุณทุกท่านครับ
|