หัวข้อ: สถานภาพกำกวม เริ่มหัวข้อโดย: Lipton ที่ 30 กันยายน 2011, 01:47:35 pm ดิฉันแต่งงานกับนายตำรวจมาได้ปีกว่าแต่ไม่ได้จดทะเบียน มีลูกชาย 1 คน อายุ 1 ขวบ(ใช้นามสกุลของสามี ไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร แต่เขาก็ส่งเงินค่าเลี้ยงดูลูกทุกเดือน) ต่อมาได้เลิกรากันไปโดยที่ลูกชายอยู่กับดิฉัน อยากถามคำถามดังนี้ค่ะ
1. ดิฉันจะใช้สถานภาพใดเวลากรอกเอกสารสำคัญทางราชการ (โสดก็ไม่ได้เพราะมีลูก สมรสก็ไม่มีทะเบียน หย่าก็ไม่ได้ ม่ายสามีก็ยังไม่ตาย) งงค่ะ 2. ลูกของดิฉันจะได้รับการจดทะเบียนรับรองบุตรก็ต่อเมื่อเขาจะเขียนชื่อตัวเองได้เหรอคะ(ฟังมาจากนายทะเบียนที่อำเภอ) หรือว่าจดได้ตั้งแต่คลอดเลยคะ 3. สิทธิของทางราชการมีอะไรให้ลูกของดิฉันบ้างคะ เพราะตอนนี้ลูกชายไม่มีสิทธิเบิกอะไรเลย รบกวนถามเท่านี้ก่อนค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะ หัวข้อ: Re: สถานภาพกำกวม เริ่มหัวข้อโดย: มโนธรรม ที่ 18 พฤศจิกายน 2012, 03:56:44 pm 1. ดิฉันจะใช้สถานภาพใดเวลากรอกเอกสารสำคัญทางราชการ (โสดก็ไม่ได้เพราะมีลูก สมรสก็ไม่มีทะเบียน หย่าก็ไม่ได้ ม่ายสามีก็ยังไม่ตาย) งงค่ะ
ตอบ...ในเมื่อยังไม่จดทะเบียนสมรส ก็ใส่สถานภาพว่า โสด ได้ ครับ 2. ลูกของดิฉันจะได้รับการจดทะเบียนรับรองบุตรก็ต่อเมื่อเขาจะเขียนชื่อตัวเองได้เหรอคะ(ฟังมาจากนายทะเบียนที่อำเภอ) ตอบ...ไม่ใช่ ดูแนวคำพิพากษาศาลฎีกาที่ยกมาครับ หรือว่าจดได้ตั้งแต่คลอดเลยคะ ตอบ...ใช่ 3. สิทธิของทางราชการมีอะไรให้ลูกของดิฉันบ้างคะ เพราะตอนนี้ลูกชายไม่มีสิทธิเบิกอะไรเลย ตอบ...ถ้าสามีของคุณจดทะ้บียนรับรองบุตร หรือจดทะเบียนสมรสกับคุณในภายหลัง สิทธิประโยชน์ที่บุตรจะได้รับได้แก่ การเบิกค่าเล่าเรียนบุตร การเบิกค่ารักษาพยาบาล ถ้าเป็นคนไข้ใน จะสามารถจ่ายตรงจากกรมบัญชีกลาง โดยที่คุณไม่ต้องไปใช้เิงินให้โรงพยาบาลก่อน ซึ่งย่อมมีผลให้บุตรได้รับการดูแลที่พิเศษมากกว่าปกติ และบุตรสามารถรับมรดก หรือบำเหน็จตกทอดของบิดาได้ กรณีบิดาเสียชีวิต ดังนั้นจึงควรขวนขวายให้สามีจดทะเบียนรับรองบุตรครับ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1487/2525 เรือตรีทองเจือ ขวัญเจริญ ร.น โจทก์ นายตุ๊ พานิช กับพวก จำเลย ป.พ.พ. มาตรา 1548, 1557, 1566, 1567 โดยสายโลหิตแล้วโจทก์เป็นบิดาที่แท้จริงของ จ. และโจทก์ยังได้จดทะเบียนรับรองว่า จ. เป็นบุตรของตนอีกขั้นหนึ่งด้วย โจทก์จึงเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของ จ.นับตั้งแต่วันจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1557 และเป็นผู้ปกครองของ จ. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 โจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกบุตรของตนคืนจากน้าของบุตรคือจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ยอมคืนบุตรให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1567(4) ขณะโจทก์จดทะเบียน จ. เป็นบุตรนั้น มารดาของ จ.ถึงแก่กรรมไปแล้วและขณะนั้น จ. มีอายุเพียง 1 ปีเศษมารดา จ. และ จ. จึงไม่อาจคัดค้านหรือให้ความยินยอมในการขอจดทะเบียนได้ การจดทะเบียนดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 ________________________________ โจทก์ฟ้องว่า นางฉวีวรรณเป็นบุตรของจำเลยที่ 1 และเป็นน้องสาวจำเลยที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2522 โจทก์กับนางฉวีวรรณได้อยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยาโดยเปิดเผย เกิดบุตรด้วยกัน 1 คนคือเด็กชายเจริญวุฒิ โจทก์ให้การอุปการะเลี้ยงดู ให้การศึกษา ให้ใช้นามสกุลแก่เด็กชายเจริญวุฒิตลอดมา เป็นพฤติการณ์ที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดมาว่าเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรโจทก์ และต่อมาโจทก์ได้จดทะเบียนรับรองเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วส่วนนางฉวีวรรณได้ถึงแก่กรรมในวันเดียวกับที่เด็กชายเจริญวุฒิเกิด โจทก์ยินยอมให้เด็กชายเจริญวุฒิอาศัยอยู่กับจำเลยทั้งสองชั่วคราว เมื่อเดือนตุลาคม 2522 โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองคืนเด็กชายเจริญวุฒิแก่โจทก์เพื่อไปอยู่ร่วมกับโจทก์ที่กรุงเทพฯ จำเลยไม่ยอมคืน ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายเจริญวุฒิมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน โจทก์ไม่เคยไปมาหาสู่และส่งเสียให้การศึกษา โจทก์กับนางฉวีวรรณมิได้จดทะเบียนสมรส เด็กชายเจริญวุฒิจึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนางฉวีวรรณแต่ฝ่ายเดียว เมื่อโจทก์จดทะเบียนรับรองบุตร นางฉวีวรรณก็มิได้ให้ความยินยอมและไม่มีผู้ใดให้ความยินยอมแทนเด็กชายเจริญวุฒิ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้แจ้งความการขอจดทะเบียนไปยังเด็กและมารดาเด็ก จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้พิพากษายกฟ้อง หลังจากยื่นคำให้การจำเลยที่ 1 ถึงแก่กรรม โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลอนุญาต จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 คืนหรือส่งมอบเด็กชายเจริญวุฒิให้แก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบิดาของเด็กชายเจริญวุฒิ ขวัญเจริญอันเกิดจากนางฉวีวรรณ พานิช หรือขวัญเจริญ ภริยาโจทก์ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เด็กชายเจริญวุฒิเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2513 และในวันเดียวกันนั้นนางฉวีวรรณได้ถึงแก่กรรม ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 2515 โจทก์ได้ขอจดทะเบียนรับรองเด็กชายเจริญวุฒิ ขวัญเจริญ เป็นบุตร และในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่นายทะเบียนได้จดทะเบียนการรับรองบุตรดังกล่าวให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 เป็นน้องสาวของนางฉวีวรรณ เป็นน้าของเด็กชายเจริญวุฒิและเป็นผู้อุปการะเลี้ยงเด็กชายเจริญวุฒิมาตั้งแต่เกิด และวินิจฉัยว่าโดยสายโลหิตแล้ว โจทก์เป็นบิดาที่แท้จริงของเด็กชายเจริญวุฒิ ขวัญเจริญ และโจทก์ยังได้จดทะเบียนรับรองว่าเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรของตนอีกชั้นหนึ่งด้วย โจทก์จึงเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายเจริญวุฒินับแต่วันจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557 และเป็นผู้ปกครองเด็กชายเจริญวุฒิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 ย่อมมีสิทธิเรียกบุตรของตนคืนจากน้าของบุตรคือจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ยอมคืนบุตรมาให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(4) ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์จดทะเบียนเด็กชายเจริญวุฒิ เป็นบุตรโจทก์ไม่ได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ทั้งเจ้าหน้าที่ก็มิได้แจ้งการขอจดทะเบียนไปยังเด็กและมารดาเด็ก การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรของโจทก์จึงขัดต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าขณะโจทก์จดทะเบียนเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรนั้น นางฉวีวรรณมารดาเด็กชายเจริญวุฒิได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว และขณะนั้นเด็กชายเจริญวุฒิก็มีอายุเพียง 1 ปีเศษ นางฉวีวรรณและเด็กชายเจริญวุฒิจึงไม่อาจคัดค้านหรือให้ความยินยอมในการขอจดทะเบียนนั้นได้ การจดทะเบียนดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 จึงฟังได้ว่าการจดทะเบียนรับรองบุตรของโจทก์สมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมายแล้ว พิพากษายืน ( สหัส สิงหวิริยะ - อัมพล สุวรรณภักดี - สมบูรณ์ บุญภินนท์ ) ครับ |