Chanika001
รุ่นใหม่
ค่าพลัง: +0/-0
ออฟไลน์
กระทู้: 1
|
|
« เมื่อ: 02 กันยายน 2015, 03:35:00 pm » |
|
วันนี้ไปขึ้นศาลครั้งแรกในคดีแพ่งคดีความเกี่ยวกับรถยนต์ สาเหตุการขึ้นศาลครั้งนี้ก่อนนะค่ะ ชื่อเราเป็นเจ้าของรถ นาย ก ใช้และ นาย ก เป็น คนผ่อน แต่ผ่อนได้ 1 ปี นาย ก ก็พารถหายไป ตามหาก็ไม่เจอ มีการลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยว่านาย ก เอารถแล้วหายไป ไม่สามารถตามตัวได้ ซึ่งเราก็พยายามหาเงินมาจ่าย แทนไป โดยการกดเงิน สด จากบัตร และกู้ยืม คนอื่น ผ่อน แทน นาย ก ไป ประมาณ 1 ปี กว่า ๆ ก็ไม่ไหว เพราะ หนี้ท่วมมาก ตอนนี้เราเป็นหนี้ บัตรและอื่นๆ ประมาณ 100000 ต้นๆ เรามีหนี้ที่โจทย์ ยื่นฟ้อง 250000 พอวันไปขึ้นศาลทางทนายโจทย์ได้ยื่นข้อเสนอให้เราสามข้อตามนี้. 1)ยอมความโดยต้องชำระก้อนแรก10%ของเงินทั้งหมดที่เราค้างไว้และชำระเป็รายเดือนต่อไปยอดชำระต้องไม่น้อยกว่ากว่ายอดที่เราเคยส่ง. ซึ่งข้อนี้เราตัดทิ้งเลยคะเพราะเราไม่ไหว. 2)ต้องหารถมาคืนไฟแนนซ์ให้ได้ ข้อนี้เราก็ตัดทิ้งเช่นกันเพราะ ตามหาเต็มที่แล้วไม่เจอจริงๆ. 3)เสนอให้ศาลตัดสิน. ซึ่งเราเลือกข้อนี้คะ แต่ว่าทนายโจทก์ให้ทางเลือกอีก2ทาง คือให้รอฟังคำตัดสินศาล หรือให้กลับไปเลยและหมายบังคับคดีจะส่งให้ทีหลังภายใน30วัน. ซึ่งเราได้เลือกที่จะกลับเลยเพราะทนายโจทก์บอกว่ามีค่าเท่ากันศาลจะตัดสินให้ แล้วหลังจากที่เราได้ใบบังคับคดีแล้วให้ไปเจรจากลับธนาคารอีกทีว่าจ่ายได้เดือนละเท่าไร. คำถามของเราก็คือว่า 1)เราเลือกที่จะไม่รอฟังคำตัดสินของศาลนั้นจะมีผลเสียกับเรามั้ยคะ เราพึ่งมานั่งคิดแล้วเครียดมากเพราะทนายโจทก์เขาพูดจาเหมือนเข้าข้างเราเกินไป. 2)และถ้าเป็นผลเสีย เรามีวิธีการแก้ไขอย่างไรได้บ้างคะ 3)แล้วหลังจากที่ได้หมายบังคับคดี เรายังสามารถไกล่เกลี่ยได้หรือไม่ค่ะ โดยไม่ให้เขาทำเรื่องอายัดเงินเดือนของเราอะค่ะ เพราะ เรายังไม่มีขั้นตอนการไกล่เกลี่ยกับธนาคารเลยค่ะ
|