อยากรบกวนถาม เกี่ยวกับปัญหาที่ดินครับ

[aotaoto55]

เคยมีนายทุนคนหนึ่ง มาปลูกๆไม้สักไว้ที่ของ นาง ก  และเอกสารสิทธ์เป็นของนาง ก นายทุนคนนั้นแค่รู้จักนาง ก นาง ก ก็เลยให้ปลูกไม้สัก ในที่ของตนเอง
ต่อมา นายทุนคนนั้นโดนฟ้องล้มละลาย แล้วนาง ก ก็ได้ขายที่ดิน ให้ นาย ข และ นาย ข ก็ได้ต้นไม้สักนั้น เำพื่อที่จะทำประโยชน์อย่างอื่น แต่ไม่ได้นำไม้สัก
นั้นไปขายหรือขนย้ายจากที่ดินแปลงนั้น แต่อย่างไร เพียงแต่ตัดออกแล้วทำประโยชน์ในที่ดินเท่านั้น ที่ดินที่นาง ก ขายให้นาย ข ในเอกสารสิทธ์ มีจำนวน
2ไร่ แต่ตอนที่นายทุนปลูกต้นสักไว้ ได้ปลูกออกขยายออกไปบริเวรรอบๆที่ดิน รวมแล้วทั้งมีเอกสารและไม่มีเอกสารสิทธ์ ประมาณ 5ไร่ ต่อมา นายทุนคนนั้นมาอ้างว่านาย ข บุกรุกไม้สักของต้นและบอกว่า ที่ดินของนาย ข มีแค่สองไร่ นอกนั้นเป็นของตน เพราะว่าตนเองปลูกไม้สักไว้ และต้นเองมีแค่ภาพถ่ายทางอากาศเป็นหลักฐาน อยากรบกวนถามผู้รู้ว่า นายทุนคนนั้น มีสิทธ์ที่จะมาที่ตรงนั้นไหมและแจงความดำเนินคดี นาย ข ว่าบุกรุกสวนไม้สักของต้นได้ไหม
ปัจจุบัน นาย ข ได้ซื้อ ที่ดินมาเป็นเวลา สองปี และ นาง ก ก็ได้โอนที่ดินแปลงนี้ถูกต้องตามกฎหมายครับ

รบกวนช่วยตอบให้หายข้อข้องใจหน่อยครับ จะขอบพระคุณอย่างยิ่ง

[มโนธรรม]

การที่นาง ก.  อนุญาตให้นายทุน ปลูกต้นสัก บนที่ดินของตน   นายทุนจึงเป็นเจ้าของต้นสัก   แต่ก็สามารถต่อสู้ได้ว่า  ไม่ได้ทำสัญญาเช่าที่ดิน  นายทุนจึงฟ้องร้องไม่ได้  เมื่อ นาย ข.  รับโอนที่ดินมาโดยชอบ  นาย ข. จีงมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินจำนวน 2 ไร่  ตามเอกสารสิทธิ์    ถ้านาย ข.  ได้ครอบครองที่ดินนอกเอกสารสิทธิ์ (ที่ดินมือเปล่า)จำนวน 3 ไร่  เกินหนึ่งปี  นาย ข.  ย่อมมีสิทธิครอบครองดีกว่าผู้อื่น  แม้นายทุนจะมีภาพถ่ายว่าตนปลูกต้นสัก   แต่เมื่อถูกแย่งครอบครอง   แต่ไม่ฟ้องร้องภายในหนึ่งปี  นายทุนจึงเสียสิทธิการครอบครอง   นาย ข. ย่อมมีสิทธิครอบครองดีกว่า   อาจมีปัญหาตรงประเด็นที่ว่า  ที่ดินมือเปล่า  (นอกเอกสารสิทธิ์) เป็นที่สาธารณประโยชน์ หรือที่หลวงหรือไม่  ซึ่งนาย ข.อาจมีความผิดฐานบุกรุกที่หลวง   แต่อย่างไรก็ตาม   เมื่อ นาย ข. ครอบครองอยู่  นาย ข. ย่อมมีสิทธิครอบครองดีกว่า  ดังกล่าวข้างต้น  แม้จะได้เปรียบในข้อกฎหมาย   แต่เรื่องอำนาจมืดอิทธิพลเถื่อน  ก็เป็นเรื่องที่ต้องหาทางเอาตัวรอดเอาเอง  ด้วยความปรารถนาดี ครับ