trachu.com ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
29 เมษายน 2024, 10:16:31 pm
หน้าแรก หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
ข่าว: ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่ กระดานข่าวตราชูดอทคอม ชุมชนออนไลน์นักกฎหมายไทย


+  TRACHU.COM : ชุมชนออนไลน์นักกฎหมายไทย
|-+  ชุมชนกฎหมาย
| |-+  ถามตอบปัญหากฎหมายสำหรับประชาชน (ผู้ดูแล: มโนธรรม)
| | |-+  โดนฟ้องเรื่องสัญญาเช่าครับควรทำไงดี
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: โดนฟ้องเรื่องสัญญาเช่าครับควรทำไงดี  (อ่าน 2451 ครั้ง)
Ploy369
รุ่นใหม่
*

ค่าพลัง: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« เมื่อ: 16 มิถุนายน 2015, 11:47:04 pm »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
บันทึกการเข้า
ทนายประมุข0873611107
รุ่นกลาง
***

ค่าพลัง: +1/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 154



« ตอบ #1 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2015, 04:18:06 pm »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
ไม่ต้องเครียดครับเรื่องนี้มีทางออกเอาคำฟ้องมาดูกันครับ
บันทึกการเข้า
Ploy369
รุ่นใหม่
*

ค่าพลัง: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #2 เมื่อ: 17 มิถุนายน 2015, 06:54:15 pm »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
ไม่ต้องเครียดครับเรื่องนี้มีทางออกเอาคำฟ้องมาดูกันครับ
คราวๆนะครับ
จำเลยที่ 1 คือ นางพรรณทิย์ภา ( แม่ของผม )
จำเลยที่ 2 นายมงคล ( ผู้เช่าอีกราย )
     คำฟ้อง // จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินเลขที่....เพื่อค้าขายเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น มีกำหมดระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ค่าเช่าเดือนละ 50,000บาท กำหมดชำรำค่าเช่าทุกวันที่ 1 ของทุกเดือนตลอดไป ถ้าค้างค่าเช่าถือว่าผู้เช่าผิดสัญญาและสัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าว  กรณีผู้เช่าผิดสัญญาเช่ายินยอมให้คิดค่าเช่าในอัตราเดือนละ 70,000 บาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ตกเป็นของผู้ให้เช่า
         จำเลยที่ 2 เป็นผู้อาศัยสิทธิการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์กับกำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลานลักษณ์อักษรจากโจทก์
          หลังจากจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์ตามคำฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1 จงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ กล่าคือจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้ามาครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวงที่เช่า ทำการค้าเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ผิดนัดค้างชำระค่าเช่า และยังครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวง เรื่อยมาจนกระทั้งครบกำหนดสัญญา โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามค่าเช่าค่าใช้ประโยชน์ด้วยวาจาจากจำเลยที่ 1 และขอบอกเลิกสัญญา ให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมทั้งจำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง แต่จำเลยทั้งสองกลับ เพิกเฉย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ ให้ได้รับความเสียหาย ไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยตนเอง หรือผู้แทน หรือบุคคลอื่น หรือไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงไปแสวงหาประโยชน์เพื่อการใดๆ ได้ ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ ได้มีหนังสือบอกล่าวบอกเลิกสัญญาเช่าให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง ขอให้ชำระหนี้ค่าเช่าที่ดินที่พิหลอกลวงที่ค้างชำระ แต่จำเลยที่ 1 กับเพิกเฉย จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับหนังสือบอกกล่าวทวงถามตามกำหนดโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

.....................................................................
ประมาณนี้อะ ครับ เขาทำเหมือนไม่รู้ว่ามีคนเช่า 2คนและทำเหมือนแม่ผมเป็นคนที่ไม่จ่ายค่าเช่า อะครับ แม่ ผมเลยไม่เข้าใจ
บันทึกการเข้า
ทนายประมุข0873611107
รุ่นกลาง
***

ค่าพลัง: +1/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 154



« ตอบ #3 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2015, 05:34:14 pm »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
ไม่ต้องเครียดครับเรื่องนี้มีทางออกเอาคำฟ้องมาดูกันครับ
คราวๆนะครับ
จำเลยที่ 1 คือ นางพรรณทิย์ภา ( แม่ของผม )
จำเลยที่ 2 นายมงคล ( ผู้เช่าอีกราย )
     คำฟ้อง // จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินเลขที่....เพื่อค้าขายเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น มีกำหมดระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ค่าเช่าเดือนละ 50,000บาท กำหมดชำรำค่าเช่าทุกวันที่ 1 ของทุกเดือนตลอดไป ถ้าค้างค่าเช่าถือว่าผู้เช่าผิดสัญญาและสัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าว  กรณีผู้เช่าผิดสัญญาเช่ายินยอมให้คิดค่าเช่าในอัตราเดือนละ 70,000 บาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ตกเป็นของผู้ให้เช่า
         จำเลยที่ 2 เป็นผู้อาศัยสิทธิการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์กับกำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลานลักษณ์อักษรจากโจทก์
          หลังจากจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์ตามคำฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1 จงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ กล่าคือจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้ามาครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวงที่เช่า ทำการค้าเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ผิดนัดค้างชำระค่าเช่า และยังครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวง เรื่อยมาจนกระทั้งครบกำหนดสัญญา โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามค่าเช่าค่าใช้ประโยชน์ด้วยวาจาจากจำเลยที่ 1 และขอบอกเลิกสัญญา ให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมทั้งจำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง แต่จำเลยทั้งสองกลับ เพิกเฉย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ ให้ได้รับความเสียหาย ไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยตนเอง หรือผู้แทน หรือบุคคลอื่น หรือไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงไปแสวงหาประโยชน์เพื่อการใดๆ ได้ ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ ได้มีหนังสือบอกล่าวบอกเลิกสัญญาเช่าให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง ขอให้ชำระหนี้ค่าเช่าที่ดินที่พิหลอกลวงที่ค้างชำระ แต่จำเลยที่ 1 กับเพิกเฉย จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับหนังสือบอกกล่าวทวงถามตามกำหนดโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

.....................................................................
ประมาณนี้อะ ครับ เขาทำเหมือนไม่รู้ว่ามีคนเช่า 2คนและทำเหมือนแม่ผมเป็นคนที่ไม่จ่ายค่าเช่า อะครับ แม่ ผมเลยไม่เข้าใจ
ทางจำเลยต้องนำสืบแก้ไขเอกสารสัญญาเช่าครับ ว่าเจตนาที่แท้จริงของสัญญาจำเลยที่ 1 ไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่าโจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่ ละเมิดต่อจำเลยที่ 1 ได้ สามารถติดต่อมาได้ครับ
บันทึกการเข้า
Ploy369
รุ่นใหม่
*

ค่าพลัง: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3


« ตอบ #4 เมื่อ: 18 มิถุนายน 2015, 06:37:46 pm »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
ไม่ต้องเครียดครับเรื่องนี้มีทางออกเอาคำฟ้องมาดูกันครับ
คราวๆนะครับ
จำเลยที่ 1 คือ นางพรรณทิย์ภา ( แม่ของผม )
จำเลยที่ 2 นายมงคล ( ผู้เช่าอีกราย )
     คำฟ้อง // จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินเลขที่....เพื่อค้าขายเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น มีกำหมดระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ค่าเช่าเดือนละ 50,000บาท กำหมดชำรำค่าเช่าทุกวันที่ 1 ของทุกเดือนตลอดไป ถ้าค้างค่าเช่าถือว่าผู้เช่าผิดสัญญาและสัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าว  กรณีผู้เช่าผิดสัญญาเช่ายินยอมให้คิดค่าเช่าในอัตราเดือนละ 70,000 บาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ตกเป็นของผู้ให้เช่า
         จำเลยที่ 2 เป็นผู้อาศัยสิทธิการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์กับกำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลานลักษณ์อักษรจากโจทก์
          หลังจากจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์ตามคำฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1 จงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ กล่าคือจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้ามาครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวงที่เช่า ทำการค้าเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ผิดนัดค้างชำระค่าเช่า และยังครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวง เรื่อยมาจนกระทั้งครบกำหนดสัญญา โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามค่าเช่าค่าใช้ประโยชน์ด้วยวาจาจากจำเลยที่ 1 และขอบอกเลิกสัญญา ให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมทั้งจำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง แต่จำเลยทั้งสองกลับ เพิกเฉย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ ให้ได้รับความเสียหาย ไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยตนเอง หรือผู้แทน หรือบุคคลอื่น หรือไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงไปแสวงหาประโยชน์เพื่อการใดๆ ได้ ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ ได้มีหนังสือบอกล่าวบอกเลิกสัญญาเช่าให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง ขอให้ชำระหนี้ค่าเช่าที่ดินที่พิหลอกลวงที่ค้างชำระ แต่จำเลยที่ 1 กับเพิกเฉย จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับหนังสือบอกกล่าวทวงถามตามกำหนดโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

.....................................................................
ประมาณนี้อะ ครับ เขาทำเหมือนไม่รู้ว่ามีคนเช่า 2คนและทำเหมือนแม่ผมเป็นคนที่ไม่จ่ายค่าเช่า อะครับ แม่ ผมเลยไม่เข้าใจ
ทางจำเลยต้องนำสืบแก้ไขเอกสารสัญญาเช่าครับ ว่าเจตนาที่แท้จริงของสัญญาจำเลยที่ 1 ไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่าโจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่ ละเมิดต่อจำเลยที่ 1 ได้ สามารถติดต่อมาได้ครับ

ขอบคุณครับ ติดต่อตามเบอร์ ที่ ขึ้นไว้ใช่มัยครับ ?
บันทึกการเข้า
ทนายประมุข0873611107
รุ่นกลาง
***

ค่าพลัง: +1/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 154



« ตอบ #5 เมื่อ: 19 มิถุนายน 2015, 10:13:47 am »

สวัสดีครับผมอยากปรึกษาข้อกฎหมายนะครับ
 คือเรื่องมีอยู่แม่ผมได้เช้าที่ดินเปล่า มาทำร้านโดยมีคนรู้จักอีกคนเป็นคนทำสัญญาเช่าแต่เพียงผู้เดียว(ทำสัญญาปีต่อปี แต่ระยะหลังไม่ได้ต่อสัญญาเพราะเจ้าของที่บอกไม่จำเป็น เราเชื่อใจกันอยู่อยู่กันมานาน) เพราะเจ้าของที่ต้องการให้มีผู้เช้าคนเดียวในสัญญา แต่ก็รับรู้และยินยอมให้แม่ผมเช้าร่วม แต่แค่ไม่มีระบุในสัญญา โดยตามช้อตกลงคือ ทางแม่ผมและคนทำสัญญาเช่า จะจ่ายค่าเช่าให้เจ้าของที่ คนละครึ่ง ต่อมาแม่ผมได้ใช้พื้นที่เยอะกว่า จึงขอจ่ายค่าเช่าเยอะกว่า โดยแบ่งจ่ายตามส่วน เจ้าของที่ก็ยินยอม และก็ได้เป็นแบบนี้มาตลอดจนพักหลัง ผู้เช่าอีกคนที่เป็นคนทำสัญญา ไม่จ่ายค่าเช่าบ่อยครั้ง ละติดต่อกันเวลานาน เจ้าของจึงยื่นฟ้อง ขับไล่และละเมิด โดนมีแม่ผมเป็นจำเลยที่ 1 และ ผู้เช่าอีกคนที่ไม่จ่ายค่าเช่าเป็นจำเลยที่ 2 // เขาอ้างอิงจาก สัญญาเช้าที่แม่ผมไปขอทำเพื่อมาขอให้ประกอบการค้า แต่สัญญานั้นตอนที่ทำเขาบอกไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ได้เขียนรายละเอียดใดๆ เช่น ค่ามันจำล่วงหน้า เป็นเต้น ดังนั้น อยากทราบว่า แม่ผมไหมครับ แล้ว ควร สู้ คดี อย่างไร ดีครับ ช่วย ผม ทีนะครับ แม่ ผมเครียดมาก เลยตอนนี้ ไม่คิดว่าเจ้าของที่จะทำกลับแม่แบบนั้น ขอบคุณล่วงหน้าเลยนะครับ ขอบคุณครับ ^^
ไม่ต้องเครียดครับเรื่องนี้มีทางออกเอาคำฟ้องมาดูกันครับ
คราวๆนะครับ
จำเลยที่ 1 คือ นางพรรณทิย์ภา ( แม่ของผม )
จำเลยที่ 2 นายมงคล ( ผู้เช่าอีกราย )
     คำฟ้อง // จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินเลขที่....เพื่อค้าขายเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น มีกำหมดระยะเวลา 1 ปี โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 ค่าเช่าเดือนละ 50,000บาท กำหมดชำรำค่าเช่าทุกวันที่ 1 ของทุกเดือนตลอดไป ถ้าค้างค่าเช่าถือว่าผู้เช่าผิดสัญญาและสัญญาเป็นอันสิ้นสุดลงทันที โดยผู้ให้เช่าไม่ต้องบอกกล่าว  กรณีผู้เช่าผิดสัญญาเช่ายินยอมให้คิดค่าเช่าในอัตราเดือนละ 70,000 บาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ตกเป็นของผู้ให้เช่า
         จำเลยที่ 2 เป็นผู้อาศัยสิทธิการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์กับกำเลยที่ 1 โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลานลักษณ์อักษรจากโจทก์
          หลังจากจำเลยที่ 1 ได้เช่าที่ดินที่พิหลอกลวงของโจทก์ตามคำฟ้อง ต่อมาจำเลยที่ 1 จงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ กล่าคือจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 เข้ามาครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวงที่เช่า ทำการค้าเฟอร์นิเจอร์ โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากโจทก์ ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเช่า ผิดนัดค้างชำระค่าเช่า และยังครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินที่พิหลอกลวง เรื่อยมาจนกระทั้งครบกำหนดสัญญา โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามค่าเช่าค่าใช้ประโยชน์ด้วยวาจาจากจำเลยที่ 1 และขอบอกเลิกสัญญา ให้จำเลยที่ 1 ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารพร้อมทั้งจำเลยที่ 2 ออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง แต่จำเลยทั้งสองกลับ เพิกเฉย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการจงใจกระทำละเมิดต่อโจทก์ ให้ได้รับความเสียหาย ไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงมาใช้ประโยชน์ได้ด้วยตนเอง หรือผู้แทน หรือบุคคลอื่น หรือไม่อาจนำที่ดินที่พิหลอกลวงไปแสวงหาประโยชน์เพื่อการใดๆ ได้ ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ ได้มีหนังสือบอกล่าวบอกเลิกสัญญาเช่าให้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากที่ดินที่พิหลอกลวง ขอให้ชำระหนี้ค่าเช่าที่ดินที่พิหลอกลวงที่ค้างชำระ แต่จำเลยที่ 1 กับเพิกเฉย จำเลยที่ 1 ไม่ยอมรับหนังสือบอกกล่าวทวงถามตามกำหนดโจทก์จึงนำคดีมาฟ้องศาลเพื่อขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง

.....................................................................
ประมาณนี้อะ ครับ เขาทำเหมือนไม่รู้ว่ามีคนเช่า 2คนและทำเหมือนแม่ผมเป็นคนที่ไม่จ่ายค่าเช่า อะครับ แม่ ผมเลยไม่เข้าใจ
ทางจำเลยต้องนำสืบแก้ไขเอกสารสัญญาเช่าครับ ว่าเจตนาที่แท้จริงของสัญญาจำเลยที่ 1 ไม่ได้ผิดนัดชำระค่าเช่าโจทก์ไม่มีสิทธิ์ฟ้องขับไล่ ละเมิดต่อจำเลยที่ 1 ได้ สามารถติดต่อมาได้ครับ

ขอบคุณครับ ติดต่อตามเบอร์ ที่ ขึ้นไว้ใช่มัยครับ ?
ถูกต้องครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น


Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.11 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 18 คำสั่ง